“ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร” ประโยคนี้น่าจะเป็นประโยคที่ได้ยินกันมาแทบจะตลอด ซึ่งถ้าจะบอกว่าเป็นความจริงก็ได้
แต่ถ้าจะทำความเข้าใจประโยคนี้ให้ลึกลงไปอีก
การที่จะบอกว่าอดอาหารนั้นได้ผลจริง คงไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากนัก
แม้ว่าถ้ามองอย่างง่าย ๆ ในเมื่อร่างกายไม่รับอาหารเพิ่มเข้าไป ร่างกายก็จะไม่มีอาหารเข้ามาสะสมเพิ่มขึ้นนั่นน่าจะเป็นเหตุผลให้น้ำหนักของเราลดลงได้ แต่ในการทำงานอันลึกลับซับซ้อนของร่างกายมนุษย์แล้วมันไม่ง่ายดายแบบนั้น เนื่องจากกลไกของร่างกายผูกเชื่อมโยงกันและทำงานอย่างเป็นระบบ
ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย
เกร็ดความรู้กระบวนการย่อยแบบพอสังเขป
เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ในอาหารที่เราทานเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยหรือต่างประเทศ ของหวาน ฟาสต์ฟูด ผักหรือผลไม้ ท้ายที่สุดแล้ว ก็จะถูกย่อยจนกลายเป็นหน่วยย่อยที่เล็กที่สุด
จนร่างกายสามารถดูดซึมเข้าเส้นเลือดได้ เช่น สมมติว่า เราทานข้าวมันไก่ 1 จาน
ซึ่งจะประกอบไปด้วย ข้าวมัน ไก่ต้ม/ไก่ทอด น้ำจิ้ม น้ำซุป
จากนั้นลองมาพิจารณาข้าวมันไก่ของเราอย่างถี่ถ้วน
ข้าว เป็นคาร์โบไฮเดรต พอย่อยจนสุดก็จะได้เป็นสารอาหารที่ถ้าใช้ไม่หมดก็จะสะสมที่ตับและกล้ามเนื้อ
ไขมัน จากข้าวมันเอย จากมันไก่เอย เหล่านี้จะถูกย่อยจนได้หน่วยที่เล็กที่สุดเช่นกัน
ไก่ เป็นสารอาหารกลุ่มโปรตีน เมื่อย่อยแล้วจะได้เป็นกรดอะมิโนที่เราต่างคุ้นหูกันดี
ถ้ารวมกับสารอาหารอีก 2 กลุ่ม คือ เกลือแร่และวิตามันก็จะเป็นอันครบสารอาหาร 5 หมู่
ที่เคยท่องตั้งแต่สมัยประถมนั่นเอง
ซึ่งสารอาหารทั้ง 5 หมู่นั้นก็มีหน้าที่ที่สำคัญในการซ่อม สร้าง เสริม พัฒนา รวมถึงฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอของร่างกายแตกต่างกันออกไป
นั่นหมายถึงถ้าเราอดอาหาร เราจะไม่ได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการนำไปเลี้ยงทั้งสมองเอย เซลล์เอย แล้วร่างกายของเราจะอยู่ไหวหรือ ?
หลายคนอาจบอกว่าตนเองหรือคนรอบข้างเคยลดน้ำหนักโดยการไม่รับประทานอาหารเย็นหรือทานแค่วันละมื้อเท่านั้นแล้วได้ผลจริงแต่ทว่าหลายคนอาจลืมนึกถึงความชาญฉลาดข้อหนึ่งของร่างกายไป นั่นคือ หากเราอดอาหารเป็นระยะเวลาหนึ่ง (ซึ่งอาจสามารถลดน้ำหนักได้จริง ในช่วงเวลาหนึ่ง)
ร่างกายจะจดจำว่าจะมีอาหารเข้ามาน้อยและจะเกิดการปรับตัวให้ย่อยอาหารเพียงน้อยนิดนั้น
นั่นหมายถึงในระยะยาวประสิทธิภาพในการย่อยอาหารของระบบย่อยอาหารต่าง ๆ จะลดน้อยลงตามอาหารที่เราทานเข้าไปสุดท้ายแล้วก็เป็นสาเหตุให้ใครก็ตามหากตบะแตก กลับมาทานอาหารในปริมาณเท่าเดิม
(ในขณะที่ความสามารถในการย่อยลดลง)
นอกจากน้ำหนักจะไม่ลดแล้วยังอาจเพิ่มพูน จนน้ำหนักสูงกว่าตอนก่อนอดอาหารไปอีก ข้อเสียลำดับต่อมาของการไม่ทานอาหาร คือ น้ำหนักลดนะ แต่ไขมันไม่ลด
น้ำหนักลด แต่ไขมันไม่ลด
แม้การไม่ทานอาหารเข้าไปนั้น อาจทำให้ตัวเลขบนตราชั่งลดลงได้จริง แต่สิ่งที่สูญเสียไปอาจไม่ใช่เพียงเจ้าไขมันตัวร้ายที่เราต้องการกำจัด แต่กลับกลายเป็นกล้ามเนื้อตัวดี
โดยมีการศึกษาที่ระบุว่า หากลดน้ำหนักไม่ถูกวิธี ในทุก ๆ 4 กิโลกรัมที่น้ำหนักตัวหายไป จะมี 1 กิโลกรัมของมวลกล้ามเนื้อหายไปด้วย ซึ่งกล้ามเนื้อมีความสามารถในการช่วยเผาผลาญพลังงานให้กับร่างกายของเรา แทนที่จะได้ลดน้ำหนักกลับสร้างภาระให้สุขภาพแทน
จะทำอย่างไร หากอยากลดน้ำหนักให้เวิร์ค โดยไม่ต้องอดอาหาร
จากด้านบนเราจะเข้าใจกันมากขึ้นแล้วว่า ร่างกายของเรานั้น ต้องการสารอาหารที่จำเป็น 5 หมู่ หลายครั้งที่พอนึกถึงอาหาร แน่นอนว่าเมนูแรก ๆ ที่เรามักจะนึกถึงชาบู หมูกระทะ พิซซ่า ไก่ทอดกรอบซึ่งต้องยอมรับว่าอร่อย แต่ถ้ากินบ่อย น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ฉะนั้นลองกลั้นใจเลี้ยวจากซอยร้านหมูกระทะ เปลี่ยนจากการเข้าแอพลิเคชั่นสั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นสั่งอาหารที่เป็นมิตรกับสุขภาพมาทาน เช่น ลองทานอาหารคลีน อาหารลีน ซึ่งล้วนเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ซึ่งในปัจจุบันเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพเข้ามาอย่างแพร่หลาย สามารถหาทานง่ายและมีราคาที่ถูกลงต่อมาที่สำคัญ เป็นจริงตลอดกาล คือ การออกกำลังกายแบบถูกวิธี ข้อนี้มีความสำคัญมาก เช่น
เราควรออกกำลังกายไม่ต่ำกว่า 30 นาที/ครั้ง
เพราะ 15 นาทีแรกร่างกายจะดึงน้ำตาล หรือไกลโคเจนที่สะสมในตับมาใช้
เมื่อเราออกกำลังกายยาวนานไปถึง 30 นาที ร่างกายจะเริ่มดึงแป้งที่ถูกสะสมไว้มาใช้
บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกกำลังกาย 30 นาที
และประโยคสุดท้ายที่อยากจะบอกกับทุกคนที่อยากลดน้ำหนัก
เมื่อเราฝืนใจออกกำลังกายจนเกิน 30 นาที ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันที่พอกพูนของเรานั้นมาใช้เผาผลาญพลังงานแทน
นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำไมบางคนออกกำลังกายบ่อย แต่น้ำหนักไม่ลดเสียที
เพราะออกกำลังกายไม่ถึงจุดที่ร่างกายจะดึงไขมันเข้ามาใช้นั่นเอง
ดังนั้นตราบใดที่ร่างกายยังต้องการสารอาหารเพื่อใช้ในการทำงาน การเรียน การเดิน การไปเที่ยว ชอปปิ้ง ดูหนัง หรือกิจกรรมใดก็ตาม
นั่นหมายถึง เราไม่ควรที่จะทำร้ายร่างกายด้วยการอดอาหาร แต่เสริมสร้างสุขภาพที่ดีด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่จะไม่ย้อนกลับมาทำลายสุขภาพของเราทีหลัง และสำหรับผู้ที่อยากลดน้ำหนัก หากไม่อยากโยโย่ล่ะก็
ควรศึกษาวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะกับตัวเรา หรือทางที่ดีคือการเลือกรับประทานที่มีประโยชน์
หาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 4 วัน อย่างน้อยครั้งละ 30 – 45 นาทีและที่สำคัญไม่ควรอดอาหาร
ดังนั้นแม้การอดอาหารอาจจะทำให้ร่างกายสามารถลดน้ำหนักได้จริง แต่ในที่สุดก็จะส่งผลเสียต่อระบบการย่อย รวมถึงอาจจะทำให้นำหนักตัวกลับมามากกว่าเก่า การอดอาหารจึงไม่ใช่ทางที่ดีนักสำหรับการลดน้ำหนักในระยะยาว