รวม 12 อาหารมะเร็ง !! ชัวร์หรือไม่กับอาหารที่เชื่อกันว่ายิ่งกินยิ่งเข้าใกล้โรคร้าย!

อาหารมะเร็ง
อาหารมะเร็ง มีอะไรบ้าง!

มะเร็งถือเป็นโรคเรื้อรังที่น่ากลัวอย่างมาก เพราะเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นดันดับ1 ทั้งยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่ปัจจัยหนึ่งที่มีผลอย่างมากกับการก่อตัวของโรคชนิดนี้ คือ อาหาร

ซึ่งหากจะศึกษาอย่างจริงจัง บอกเลยว่าการจะทานอาหารที่ปลอดภัยแบบ 100 % นั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากอาหารที่เราบริโภคนั้น เราก็ไม่รู้ที่มาที่ไปชัดเจนว่าต้นสายนั้นมาจากไหน

มีกระบวนการผลิตอย่างไรผ่านการใส่สารเคมีอะไรมาบ้างและการที่เรามักได้ยินคำแนะนำที่ว่าให้ทานอาหารที่สด สะอาด ไม่แปรรูปก็เพราะป้องกันการเติมแต่งสารสังเคราะห์ต่าง ๆ

พี่ปินิกซ์สรุป เกร็ดความรู้

เราทุกคนมีเซลล์มะเร็งกันอยู่แล้วนะคะ
ซึ่งจริงๆแล้วถือเป็นเรื่องปกติ
แค่อย่าไปเพิ่มมันเป็นพอ ^^

เพราะเซลล์มะเร็งก็คือเซลล์ของร่างกายที่มีการแบ่งตัวที่ผิดปกติจนร่างกายไม่สามารถควบคุมได้นั่นเอง หากร่างกายของเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งของเราจะสามารถทำลายเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้ได้

แต่นั้น คือ เงื่อนไขที่ว่า ร่างกายเราแข็งแรงนะคะ เพราะหากภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราไม่เพียงพอ เซลล์มะเร็งก็จะขยายและเพิ่มความรุนแรงทำลายส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเรา

ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่จะสามารถเพิ่มหรือลดความสามารถในการต่อสู่มะเร็งของร่างกายเราก็ คือ อาหารที่เราทานเข้าไป

พี่ปินิกซ์เชื่อว่าหลายคนจะมีอาหารที่เชื่อว่าก่อมะเร็งกันในใจอยู่แล้ว ดังนั้นพี่ปินิกซ์จะมาเพื่อน ๆ ดูกันว่าอาหารอะไรบ้างที่เราควรหลีกเลี่ยงเพราะก่อมะเร็งกันค่ะ

ไขความเชื่อ 12 อาหารมะเร็งควรเลี่ยง จริงไหม!

เนื้อแดง

อาหารมะเร็ง

หลายคนอาจเคยได้ยินว่าเนื้อสัตว์เป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ไม่ว่าจะเนื้อแดงของวัว หมู แกะ หมูป่า หรือแพะ ก็ล้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง

เหตุผลข้อหนึ่ง คือ กระบวนการต่าง ๆ ในการนำเนื้อแดงไปประกอบอาหาร โดยมักจะนำไปให้ความร้อนสูงจนเกิดเป็นสาร heterocyclic amines, polycyclic aromatic hydrocarbon และ  N-nitroso compounds ที่สามารถก่อมะเร็งได้

โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติจัดให้เนื้อแดงเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2A หมายความว่า อาจจะก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ แต่ไมได้หมายความว่าห้ามทานเลย

เพราะเนื้อแดงนั้นมีคุณค่าทางสารอาหารมากมาย เช่นโปรตีน สังกะสี เหล็ก และวิตามินบี 12 ทางที่ดี ทานแต่พอดีจะดีกว่าค่ะ (กองทุนวิจัยมะเร็งโลกแนะนำว่าควรรับประทานเนื้อแดงไม่เกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์)

น้ำตาล
น้ำตาล

น้ำตาลที่ร่างกายได้รับนอกจากที่จะมาจากการเติมในรูปน้ำตาลทรายต่าง ๆ แล้วอาหารประเภทคาร์ไฮเดรตทั้งหมด เช่น ข้าว แป้ง เผือกมันต่าง ๆ นี้ เมื่อร่างกายย่อยแล้วล้วนได้เป็นน้ำตาลที่ชื่อว่ากลูโคสทั้งสิ้น หลายคนบอกว่าน้ำตาล คือ อาหารมะเร็ง จะบอกว่าถูกก็ใช่ แต่ก็ยังถูกไม่หมด

เพราะในความจริงแล้วยังไม่มีงานวิจัยที่ฟันธงว่าน้ำตาลก่อให้เกิดมะเร็ง แต่มันเป็นเพราะน้ำตาลทำให้เกิดโรคอ้วนและเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน

ซึ่งนั่นต่างหากที่สามารถส่งผลให้เกิดมะเร็งได้ อีกทั้งการที่ร่างกายได้รับน้ำตาลปริมาณสูง จะส่งผลให้ร่างกายเกิดการสร้างฮอร์โมนอินซูลินและฮอร์โมนอีกชนิดเรียกว่าตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตโครงสร้างคล้ายอินซูลิน ตัวนี้นี่แหล่ะค่ะที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งปอด

อีกปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อได้รับน้ำตาลมากไปก็คือ ส่วนที่เหลือหลังจากนำไปใช้ในการให้พลังงานกับร่างกายแล้ว

ท้ายที่สุดร่างกายจะสะสมในรูปของไขมัน ซึ่งสารที่สามารถย่อยไขมันได้นั้นจะถูกสร้างจากตับอ่อนการที่มีไขมันสูง ส่งผลให้ตับอ่อนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้าง น้ำดี มาเพื่อย่อยเจ้าไขมันเพิ่มขึ้นซึ่งนั่นหมายถึงเรากำลังทำร้ายตับอ่อนของเราอยู่ด้วยค่ะ

สารสังเคราะห์ให้ความหวานแทนน้ำตาล
สารให้ความหวาน

หลายคนสงสัยว่า น้ำตาลก็มีโอกาสที่จะส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง สารให้ความหวานก็ยังทำให้เป็นอีกหรือ แบบนี้จะทานอะไรได้ พี่ปินิกซ์อยากบอกว่า ทานได้ค่ะ แต่ทานอย่างพอดี

ในส่วนของสารสังเคราะห์ให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้น โดยมากจะให้แต่ความหวานแต่ไม่ค่อยให้พลังงานมากนัก ผลิตขึ้นมาเพื่อเติมในอาหารสำหรับผู้ที่ไม่อยากได้รับแคลอรี่สูง ๆ จากน้ำตาล

เช่น แอสพาร์แทม (Aspartame)  ไซคลาเมต (Cyclamate)  นีโอเทม (Neotame) เป็นต้น

จากงานวิจัยที่ได้ทดลองให้หนูทดลองได้รับสารให้ความหวานหลายชนิด แล้วก่อให้เกิดโรคมะเร็งนั้น จากการศึกษาพบว่าการก่อตัวของมะเร็งไม่ปรากฏในคนแต่อย่างใด
โดยให้เหตุผลว่ากลไกการเกิดมะเร็งในหนูทดลองกับคนต่างกัน

แต่พี่ปินิกซ์ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทุกชนิดจะไม่มีผลต่อโรคมะเร็ง เนื่องจากบงชนิด เช่น ขัณฑสกร (Saccharin) บางงานวิจัยพบว่าขัณฑสกรผ่านรกเข้า ไปในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้ในสตรีมีครรภ์ 

ไซคลาเมต (Cyclamate) เป็นสารที่มีการายงานว่าก่อให้เกิดมะเร็ง แต่ช่วง ๆ ได้มีการศึกษาอีกครั้งพบว่า ไซคลาเมต (Cyclamate) ไม่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งแต่อย่างใด ทั้งในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยยังคมประกาศห้ามใช้สารชนิดนี้อยู่

พี่ปินิกซ์ขอแนะนำว่าหากเป็นสารให้ความหวานที่ได้การรับรองจาก FDA และทานในปริมาณที่เหมาะสมจะดีที่สุดค่ะ

เกลือ
เกลือคลอไรด์

โรคที่เกิดจากการรับประทานเค็มเยอะเกินไป ส่วนมากที่เรารู้กัน คือ โรคไตและความดันโลหิตสูง 

พี่ปินิกซ์สรุป เกร็ดความรู้

โดยปกติร่างกายควรได้รับโซเดียมประมาณ 2,300-2,400 มก/วัน หรือเท่ากับเกลือ 6 กรัม/วัน หรือไม่ควรบริโภคเกลือเกิน 1-1.5 ช้อนโต๊ะนั่นเอง โปรแกรมหาปริมาณโซเดียมง่ายๆ

ซึ่งเกลือหรือโซเดียมคลอไรด์หากได้รับในปริมาณที่มากไป ปริมาณเกลือโพแทสเซียมลดลง ซึ่งจะทำให้ ภูมิต้านทานในร่างกายลดลงตามไปด้วย การที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่แข็งแรงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายพ่ายแพ้หากเซลล์มะเร็งขยายตัว

มีงานวิจัยของประเทศญี่ปุ่นที่พบว่าการบริโภคอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมคลอไรด์ในปริมาณสูงมีความสัมพันธ์ต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนั้นเกลือที่พอดีไม่อันตราย ที่อันตราย คือ การรับประทานเกลือมากเกินความต้องการของร่างกายค่ะ

ไขมันทรานส์
ไขมันทรานส์

ในวงการอาหารไขมันทรานส์ถือว่าอันตรายมาก เพราะนอกจากจะลดระดับ HDL หรือ คอเลสเตอรอลชนิดดีลง และเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคสมอง อัมพาต  ที่สำคัญเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งอีกด้วย

สาเหตุก็เพราะไขมันทรานส์ไปแตกตัวที่ผนังเซลล์ของร่างกาย เปิดช่องให้สารก่อมะเร็งเข้าจู่โจมเซลล์ได้ง่ายขึ้น

โดย นพ.เสรี ปาการเสรี อดีตข้าราชการจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เคยออกมาเปิดเผยว่าไขมันทรานส์อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม  ไขมันทรานส์เป็นไขมันไม่อิ่มตัว เกิดจากการใส่ไฮโดรเจนเข้าไปในไขมันพืช

ทำให้เกิดการแข็งตัวเพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตอาหารประเภทต่างๆ ซึ่งมักพบในอาหารประเภท คุกกี้ แครกเกอร์ เนยถั่ว น้ำสลัด มาการีน เพื่อลดต้นทุนการผลิตลง

ดังนั้นพี่ปินิกซ์แนะนำว่าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่หวาน ๆ มัน ๆ จะดีที่สุดค่ะ

อาหารปิ้งย่าง รมควัน
อาหารปิ้ง รมควัน

สารก่อมะเร็งที่สามารถพบในอาหารประเภทปิ้ง ย่าง และรมควันนั้น ได้แก่ สารที่มีชื่อว่าสารพีเอเอช (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon – PAH) ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของไขมันในเนื้อสัตว์ เมื่อเกิดการหยดลงไปโดนกับถ่านไฟ

ทำให้เกิดเป็นควันที่มีพิษ ยิ่งหากลอยขึ้นมาเกาะกับอาหารที่เรากินสามารถเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหารได้

ซึ่งสารตัวนี้ก็เป็นสารพิษที่อันตรายแบบเดียวกัน ไอเสียของเครื่องยนต์  ควันบุหรี่และเตาเพลิงเลยทีเดียว

นอกจากนั้นการปิ้ง ย่าง ยังสามารถทำให้เกิดสารไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง สามารถเกิดขึ้นจากกระบวนการปิ้ง ย่าง เช่น การย่างอาหารทะเลเป็นต้น

กระบวนการเกิดจากความร้อนของไฟที่เราปิ้งหรือย่างจะทำให้ไนโตรเจนในอากาศนั้นแตกตัวออกมาจับกับออกซิเจนในอากาศ เกิดเป็นไนโตรเจนออกไซด์ แล้วทำปฏิกิริยากับสารชื่อเอมีนที่มีอยู่ตามธรรมชาติในเนื้อสัตว์

เกิดเป็นสารอันตรายขึ้นมา จึงเป็นที่มาว่า ไม่ควรทานอาหารที่ผ่านกระบวนการปิ้ง ย่างหรือให้ความร้อนสูง ๆ นั่นเองค่ะ ยกตัวอย่างอาหารที่ผ่านกระบวนการปิ้ง ย่าง รมควัน ดังนี้

ปลาหมึกย่าง ปลาทะเลย่าง 

ในอาหารพวกปลาหมึกย่าง ปลาทะเลย่างมักพบสารเคมที่ชื่อว่าสารไนโตรซามีน (Nitrosamines) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง โดยปกติมักเจอได้จากการเติมสารชนิดนี้เข้าไป แต่สารตัวนี้ก็สารมารถเกิดขึ้นเองได้ผ่านกระบวนการที่พี่ปินิกซ์เล่าให้ฟังข้างต้น

หมูย่างติดมัน เนื้อย่างติดมัน ไก่ย่างส่วนติดมันย่างจนเกรียม

บริเวณที่ไหม้เกรียม ถ้าสังเกตดี ๆ เวลาเราทานหมูปิ้งตรงขอบจะเจอกับสีดำ ๆ ไหม้ ๆ บางร้านก็จะตัดออกให้เรา แต่บางร้านก็นำใส่ถุงให้เราเลย

พี่ปินิกซ์บอกเลยว่าอันตรายมากเพราะเราสามารถพบสารพีเอเอชได้ในส่วนที่ไหม้เกรียมนี้ เพราะว่าระหว่างการเผาไหม้อาหารที่มีไขมันหรือส่วนที่ติดมันจะก่อให้เกิดสารพีเอเอช ถ้าทานบ่อย ๆ มีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งตับได้

ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง แหนม

อาหารประเภทแหนม ไส้กรอก เบคอน แฮมที่มีสีแดงผิดปกติมีโอกาสพบสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้ เนื่องจากอาหารประเภทนี้มักเติมไนไตรท์หรือดินประสิวเข้าไปเพื่อกันบูด และรักษาสีสันของอาหารให้น่ารับประทานมากที่สุด

ในเนื้อสัตว์จะมีสารเอมีนอยู่แล้ว พอเอมีนทำปฏิกิรินกับไนไตรท์ก็จะเกิดเป็นสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งขึ้นมานั่นเองค่ะ

ในส่วนของอาหารประเภทปิ้ง ย่าง รมควันมีผลงานวิจัยที่ได้ทำการทดลองในหนูและสัตว์อื่น ๆ พบว่าหากสัตว์เหล่านี้ได้รับไนโตรซามีนสูงเกินขนาด ไนโตรซามีนนี้จะเข้าไปทำลายการทำงานของตับของทั้งหนูและสัตว์ทดลองต่าง ๆ

หุ่นสวย สุขภาพ

ขนมปังปิ้ง

ผลงานวิจัยจากประเทศอังกฤษเผยว่า อาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง มันฝรั่งหากได้รับความร้อนสูงหรือระยะเวลานาน ๆ จะก่อให้เกิดสารที่ชื่อว่า อะคริลาไมด์  ตัวนี้ก็เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน

นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าอาหารที่มีสีเข้มหรือเหลืองทองจากการปิ้งย่างมากเท่าไหร่มีโอกาสพบอะคริลาไมด์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นทั้งขนมปังปิ้งหรืออาหารประเภทแป้งแล้วนำมาให้ความร้อนพี่ปินิกซ์บอกเลยล่ะค่ะว่า อย่าทานเยอะนะคะ

 อาหารแปรรูป
ไส้กรอก

อาหารแปรรูปมีหลายชนิดมาก ทั้งที่พี่ปินิกซ์เขียนถึงไปแล้ว เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง แหนม หรือ ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม ปลาเค็มหรืออื่น ๆ เช่น ชีสแผ่น เนื้อแดดเดียวก็ตาม

ล้วนมีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งเนื่องจากการเติมสารยืดอายุเข้าไปในอาหาร สามารถส่งผลต่อมะเร็งเต้านม กระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น

โดยเฉพาะอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ องค์การอนามัยโลก (WHO)  เผยว่าการบริโภคอาหารแปรรูปเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติจัดให้เนื้อสัตว์แปรรูปเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 คือ สามารถก่อมะเร็งในมนุษย์ (ไม่ใช่คำว่าอาจจะแต่ใช้คำว่าสามารถก่อมะเร็งได้)

โดยจากการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารแปรรูป 50 กรัม/วัน
ทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ถึงร้อยละ 18 เลยทีเดียวค่ะ ปินิกซ์แนะนำว่า เลี่ยงได้เลี่ยงค่ะ

อาหารกระป๋อง
อาหารกระป๋อง

อาหารกระป๋องนอกจากจะพบสารที่เติมเพื่อให้ยืดอายุของอาหารแล้วยังสามารถพบสารอันตรายได้จากตัวกระป๋องด้วย นั่นคือ สาร BPA (bisphenol-A) ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง สมองถูกทำลาย แถมยังมีโอกาสทำให้เป็นหมันอีกด้วย หากอยากหลีกเลี่ยงแนะนำให้สังเกตที่คำว่า BPA free ที่ตัวบรรจุภัณฑ์ค่ะ

นอกจากบรรจุภัณพ์ประเภทกระป๋องแล้วยังสามารถพบสารตัวนี้ในพลาสติกได้ด้วยค่ะ ดังนั้นอย่าลืมพลิกด้ายบรรจุภัณฑ์ก่อนซื้อนะคะ

อาหารหมักดอง
อาหารหมักดอง

สำหรับอาหารหมักดองนั้นขึ้นชื่อเรื่องการก่อมะเร็งโพรงจมูกซึ่งพบได้บ่อยในคนเอเชีย  สาเหตุเกิดจากอาหารหมักดอง หมักเกลือเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ไวรัส EBV (Ebstein Barr Virus) ทำงานจนมีการอักเสบเรื้อรัง

นอกจากนี้อาหารหมักดองอาจเป็นสาเหตุของมะเร็งตับและท่อน้ำดีได้จากพยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งแม้เราจะมีการถ่ายพยาธิก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย 100%

เจ้าพยาธิใบไม้ในตับสามารถมาฝังตัวอยู่ในร่างกายแล้วทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง รวมถึงค่อย ๆ ก่อให้เกิดมะเร็งอย่างช้า ๆ ได้อีกด้วย

ตัวอย่างอาหารหมักดอง

ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม ปลาเค็ม

อาหารที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอย่างเช่นปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม ปลาเค็มนี้ สาเหตุที่หากทานบ่อยจะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งนั้นเหตุผลเดียวกับอาหารพวกไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียงเลยค่ะ เพราะอาหารเหล่านี้ต่างผ่านกระบวนการถนอมอาหาร ซึ่งการจะทำให้อาหารอยู่ได้นาน ๆ ก็มักจะเติมสารกันบูด เช่น ไนไตรท์ลงไป

แล้วในเนื้อสัตว์รวมทั้งปลานี้ก็มีสารเอมีน เมื่อเจอกับไนไตรท์จึงเกิดเป็นสารก่อมะเร็งได้ค่ะ ที่สำคัญปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม ปลาเค็ม มักเติมเหลือเป็นปริมาณมาก ๆ  เกลือหรือโซเดียมคลอไรด์เหล่านี้มีผลต่อโรคมะเร็งอย่างที่พี่ปินิกซ์ได้อธิบายไว้ข้างบนอีกด้วยค่ะ

อาหารที่ทอดโดยใช้น้ำมันซ้ำ
อาหารทอด

การที่เราทานของทอดนอกจากจะได้รับไขมันอยู่แล้ว การที่พ่อค้าแม่ค้าใช้วิธีทอดซ้ำ ๆ ยังก่อให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภคขึ้นไปอีกเพราะว่าการทอดซ้ำจะทำให้เกิดสารกลุ่มโพลาร์และกลุ่มโพลีไซคลิคอโรมาติก จากการทดลองในหนูพบว่าส่งผลให้หนูเกิดโรคมะเร็งและมีผลต่อการทำงานของหัวใจ ตับและไตอีกด้วย

เพื่อความปลอดภัยไม่ควรใช้น้ำมันทอดอาหารเกิน 2 ครั้ง หรือหากใช้น้ำมันซ้ำ ควรเทน้ำมันเก่าทิ้ง 1 ใน 3 และเติมน้ำมันใหม่ ก่อนเริ่มทอดอาหารครั้งต่อไป สำหรับเพื่อน ๆ เวลาจะซื้อของทอดให้สังเกตน้ำมันในกระทะของร้านก่อนนนะคะ

หากมีกลิ่นเหม็นหืน ดูเหนียวข้นและหนืดผิดปกติ มีสีดำคล้ำ สังเกตเห็นว่ามีฟองมากให้หลีกเลี่ยงค่ะ

อาหารที่มีสีสันสดใสจากสีย้อมผ้า
ขนมหวาน

อาหารสีสันสวยงามทั้งลูกอม ขนมหวาน ต่าง ๆ โดยปกติใช้สีจากธรรมชาติหรือสีสำหรับประกอบอาหาร แต่บางครั้งเราอาจได้ยินข่าวว่าพ่อค้าแม่ค้าบางรายเลือกใช้สีจากอย่างอื่นแทน เช่น สีย้อมผ้าชนิดสีไดเร็ก สีแอซิด เป็นต้น ซึ่งมีความอันตรายอย่างมากเพราะอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้

พี่ปินิกซ์ขออธิบายอย่างนี้ค่ะว่าสีผสมอาหารสังเคราะห์นั้นจริง ๆ ก็คล้าย ๆ กับสีย้อมผ้า เพียงแต่มีวิธีการทำให้บริสุทธิ์ที่เคร่งครัดกว่าสีย้อมผ้า โดยมีการนำโลหะหนักที่อันตรายออกไป ดังนั้นจึงไม่อันตรายเหมือนสีย้อมผ้า

ที่สำคัญสีย้อมผ้ากรรมวิธีการทำจะซับซ้อนและหาได้ยากกว่าสีผสมอาหาร คนจึงไม่ค่อยนิยมสรรหาสีย้อมผ้ามาใส่อาหารกัน ดังนั้นเราสามารถคลายความกังวลตรงข้อนี้ไปได้ แต่ไปกังวลเรื่องปริมาณสีผสมอาหารที่สูงเกินไปกันดีกว่าค่ะ

อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา
อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา

เราพอจะได้ยินข่าวมาบ้างเกี่ยวกับเชื้อราที่ปนเปื้อนมาในถั่วลิสง  โดยนอกจากถั่วลิสงแล้วเรามักพบเชื้อราได้ในพวกหอมแดง กระเทียม ข้าวโพด เครื่องเทศ พริกป่น เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว

เชื้อราชนิดนี้ได้แก่ Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus  ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งที่มีชื่อว่า อะฟลาทอกซิน แถมเป็นเชื้อราที่ทนความร้อนสูงมากถึง 260 องศาเซลเซียส ที่น่ากลัวเพราะว่าปกติเวลาเราทำอาหารก็ใช้ความร้อนไม่เกิน 100 องศาเซลเซียสเองค่ะ (อุณหภูมิที่น้ำเดือด)

สาร อะฟลาทอกซิน สามารถทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้ภุมิคุ้มกันลดลงและเป็นมะเร็งตับได้ วิธีหลีกเลี่ยงเชื้อราชนิดนี้ คือ ทานอาหารที่สดใหม่ บรรจุภัณฑ์แน่นหนา รวมถึงล้างวัตถุดิบให้สะอาดทุกครั้งก่อนทานค่ะ

นอกจากนี้ยังมีบทความน่ารู้ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ห่างไกลมะเร็ง อาหารมะเร็งกลัว โภชนาการที่ดีต้านมะเร็งได้

พี่ปินิกซ์สรุป สรุป

อาหารหลายชนิดหากทานมากไปหรือทานไม่ถูกวิธีล้วนส่งผลเสียกับร่างกาย โดยเฉพาะการเกิดโรคร้าย บางชนิดเพียงได้รับความร้อนสูงก็กลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ ดังนั้นเพื่อให้ปลอดภัย

พี่ปีนิกซ์แนะนำว่าเราควรเลือกแหล่งซื้อที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ ไม่ต้องถึงกับทานอาหารเพื่อสุขภาพไปเลยแต่ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกายสม่ำเสมอค่ะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ – Thai Cancer News TCN (nci.go.th)  Muk International Hospital  GoodHope​ Nutrition

    เซลล์เป็ด

    ขอบคุณที่อ่านบทความของปีนิกส์นะคะ

    ปีนิกซ์มีสิทธิพิเศษมอบให้คุณด้วยค่ะ